• ระบบไฟฟ้าวงจรที่ 2 คือ?

    อธิบายความหมายของระบบไฟฟ้าวงจรที่ 2 เพื่อเตรียมความพร้อม
    ก่อนติดตั้ง Wall Charger (EV Charger / Home Charger)
    สำหรับชาร์จรถ EV ภายในบ้าน ให้ถูกต้องตามมาตรฐานของการไฟฟ้า

ระบบไฟฟ้าวงจรที่ 2 หมายถึงอะไร?

เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ต้องการติดตั้ง Wall Charger / Home Charger เพื่อติดตั้งที่ชาร์จรถ EV ภายในบ้านนั้น มีความสงสัยว่าวงจรที่ 2 ที่เซลส์ขายรถ EV แนะนำให้ติดตั้งนั้นคืออะไร

ถ้าอธิบายแบบง่าย ๆ ก็คือ การเดินสายไฟจากต้นทางของการไฟฟ้า (มิเตอร์) แยกออกมาเป็น 2 ชุด ซึ่งแต่ละชุดจะต้องมีสาย L (Line) และ N (Nuetral) ** รวมสายไฟทั้งหมด 4 เส้น

โดยสายไฟชุดที่ 1 (วงจรที่ 1) จะเข้าวงจร Main Circuit Breaker ซึ่งเป็นเมนไฟบ้านตามเดิม และสายไฟชุดที่ 2 (วงจรที่ 2) จะถูกเดินสายไฟแยกไปยัง Main Circuit Breaker เพื่อติดตั้ง Wall Charger แยกอีกชุดนึง

ซึ่งข้อดีของการแยก Main Circuit Breaker ออกเป็น 2 วงจร คือการแบ่งการใช้ไฟฟ้าแยกจากกันโดยสิ้นเชิง ทำให้การชาร์จไฟรถ EV ไม่ไปกวนการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้าน

แต่อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องตรวจสอบขนาดมิเตอร์ไฟ (Meter) ของบ้านคุณว่ามีขนาดเท่าไร โดยข้อกำหนดของการไฟฟ้า กำหนดให้ใช้มิเตอร์ขนาด 30 (100) ซึ่งหากเป็นบ้านครัวเรือนทั่ว ๆ ไปมักจะมีขนาดมิเตอร์เพียง 15 (45) เท่านั้น

ดังนั้น หากบ้านคุณมีขนาดมิเตอร์เพียง 15 (45) คุณจำเป็นต้องขอขยายขนาดมิเตอร์เป็น 30 (100) เป็นอย่างต่ำ เพื่อรองรับการชาร์จรถ EV ภายในบ้านของคุณ

และสิ่งสำคัญคือตู้ไฟ (Consumer Unit) ที่ใช้สำหรับวงจรที่ 2 จะต้องใช้ Main Circuit Breaker แบบ 2 Pole พิกัดไฟ 50A (โดยทั่วไป) รวมถึงต้องติดตั้งเบรกเกอร์ย่อย (Miniture Circuit Breaker) แบบ 1 Pole พิกัด 40A และกันไฟรั่ว (RCD) พร้อมติดตั้งระบบกราวด์ความลึก 2.4 เมตร

คำแนะนำสำหรับการไฟฟ้านครหลวง ในการติดตั้งวงจรที่ 2 (ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ กฟน.)

จากภาพข้างต้น จะพบว่าสายไฟจากมิเตอร์ จะมีทั้งหมด 2 ชุด (แต่ละชุดจะมี 2 เส้นตามที่ได้อธิบายข้างต้น) และภายในภาพจะเห็นว่ามี MDB (ตู้เมนไฟ) 2 ตู้ คือตู้ด้านขวา (ตู้ใหญ่) สำหรับวงจรหลักที่ใช้ไฟภายในบ้าน และตู้ด้านซ้าย (ตู้เล็ก) สำหรับวงจรที่ 2 ที่จะใช้สำหรับติดตั้ง Wall Charger / Home Charger

ด้านล่างของตู้เมนไฟวงจรที่ 2 (ตู้เล็ก) จะพบว่ามีการติดตั้ง Circuit Breaker ลูกย่อย ประเภท RCD เพื่อป้องกันไฟรั่วตามมาตรฐานของการไฟฟ้า

จากนั้นจะมีการเชื่อมสายไฟจาก RCD ไปยังอุปกรณ์ Wall Charger โดยตรง และจะมีการเดินสาย Ground จากตู้เมนลงหลักดิน เป็นอันเดินสายไฟแบบครบวงจร

อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในงานติดตั้งวงจรที่ 2

ตู้เมนไฟฟ้า (MDB) หรือตู้ควบคุมไฟฟ้า

เป็นตู้ที่ใช้ในการติดตั้ง Main Circuit Breaker (เบรกเกอร์หลัก) แบบ 2 Pole และ Miniture Circuit Breaker (เบรกเกอร์ย่อย) แบบ 1 Pole และกันไฟรั่ว RCD โดยตู้ MDB จะต้องมีช่องสำหรับติดตั้ง Circuit Breaker ให้เพียงพอรวมถึงรองรับการติดตั้งเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งขนาด MDB ที่นิยมติดตั้งสำหรับการติดตั้งวงจรที่ 2 มักจะเป็นขนาด 4 ช่องขึ้นไป และที่สำคัญตู้ที่เลือกใช้ควรเป็นวัสดุที่กันไฟ และผ่านมาตรฐาน มอก.

Circuit Breaker ตัวหลัก และตัวย่อย

Circuit Breaker คือ อุปกรณ์ตัดวงจรไฟฟ้าโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดความผิดปกติ เช่น ไฟฟ้าเกินหรือลัดวงจรเพื่อป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าและป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า เช่น ไฟไหม้ ไฟดูด ซึ่งการติดตั้งวงจรที่ 2 สำหรับชาร์จรถ EV นั้นมักจะใช้ Main Circuit Breaker แบบ 2 Pole ขนาด 50A ซึ่งใช้ได้กับไฟฟ้าทั้งแบบ 1 เฟส และ 3 เฟส รวมถึง Miniture Circuit Breaker (เบรกเกอร์ย่อย) ขนาด 40A แบบ 1 Pole โดยเบรกเกอร์ลูกย่อยจะมี 2 แบบที่นิยมใช้คือ Plug-On และ DIN-Rail

หลักดิน

โดยแท่งหลักดินจะต้องเป็นแท่งเหล็กหุ้มด้วยทองแดง (ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 5/8 นิ้ว) หรือแท่งทองแดง หรือแท่งเหล็กอาบสังกะสี (0.625 นิ้ว หรือ 15.87 มม.) ความยาวของหลักดินไม่น้อยกว่า 2.4 เมตร และที่สำคัญนั้น สายไฟที่ต่อเชื่อมหลักดินสำหรับ Wall Charger ขนาด 7kW หรือ 32A จะต้องมีขนาดของสาย 10 sq.mm. หรือ 16 sq.mm.

สายไฟที่ใช้เดินวงจรเมน

สายไฟที่ใช้เดินวงจรเมน (วงจรที่ 2) จะต้องเป็นประเภท THW (สายไฟที่ทำจากทองแดง) ขนาดสายไฟ 16 sq.mm. ขึ้นไป รองรับมาตรฐาน มอก. โดยแบรนด์ที่นิยมใช้คือ Yazaki, BCC, TripleN (NNN) เป็นต้น

ทำไมลูกค้าถึงเลือกเรา

ให้คำปรึกษาฟรีก่อนติดตั้ง

ทีมงานของเราพร้อมให้คำแนะนำและวางแผนระบบกล้องวงจรปิดที่เหมาะสมกับพื้นที่และงบประมาณของคุณ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้ระบบที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าที่สุดก่อนเริ่มติดตั้งจริง

เดินสายไฟเป็นระเบียบ ตรวจสอบง่าย

เราใส่ใจทุกรายละเอียดในการเดินสายไฟ โดยจัดวางตำแหน่งสายให้เป็นระเบียบ แยกประเภทสายไฟอย่างชัดเจน และยึดตามหลักมาตรฐานไฟฟ้า ทำให้ดูแลง่าย ตรวจสอบหรือซ่อมบำรุงในอนาคตได้สะดวก ไม่ต้องรื้อหรือแก้ไขซ้ำ

บริการครอบคลุม กรุงเทพฯ และปริมณฑล

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในเขตกรุงเทพฯ หรือจังหวัดใกล้เคียงอย่าง นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร หรือพื้นที่รอบนอก ทีมช่างของเราพร้อมเข้าหน้างานตรงเวลา ให้บริการถึงที่ทั้งงานติดตั้งใหม่และงานซ่อมบำรุง